การพัฒนาฝีมือแรงงานและอุปกรณ์การผลิต โดย นายโกวิท วรพิพัฒน์
การทำงานหากจะให้ได้ผลดี เป็นที่ภาคภูมิใจของตัวเราเองและครอบครัว เราควรเลือกงานที่เหมาะสมกับนิสัยใจคอ กำลังกาย กำลังทรัพย์สิ่งแวดล้อมรอบตัวเราและสภาพของบ้านเมืองฉะนั้น นอกจากเราจะต้องฟังมาก อ่านมาก รู้เห็นมากแล้ว เราจะต้องสำรวจตัวเองในเชิงเปรียบเทียบความเหมาะสมกับสภาพของงานนั้นๆ ด้วย
การทำงานนั้น แม้ตัวเองจะชอบและเห็นช่องทางว่าจะเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ แต่ถ้าเราขาดฝีมือ ขาดความรู้แล้วก็จะทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ฉะนั้น เราอาจจะต้องไปเรียน ไปฝึกงานที่เราชอบ และเห็นช่องทางเพื่อเราจะได้มีฝีมือการฝึกงานเพื่อพัฒนาฝีมือของเรานั้น เราอาจฝึกกับผู้รู้หรือหน่วยงานต่างๆ บางคนฝึกงานกับพ่อแม่พี่น้อง แต่ส่วนมากจะฝึกกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งขณะนี้มีทั้งหน่วยงานของรัฐและ
เอกชน การฝึกงานสำหรับเด็กและเยาวชนมักเป็นการเรียนการฝึกเพื่อเตรียมเข้าทำงาน บางคนเลือกเรียน เลือกเตรียมฝึกงานตามเพื่อน เห็นเพื่อนเรียนครูก็เรียนครูบ้าง เพื่อนเรียนแพทย์ก็อยากเรียนแพทย์บ้าง ผู้ที่เลือกฝึกเลือกเรียนตามเพื่อนโดยไม่คิดไม่สำรวจตัวเองว่าตัวเองชอบอาชีพหรืองานนั้นๆ จริงหรือไม่ มักจะเรียนไม่สำเร็จหรือหากฝืนใจเรียนจนสำเร็จก็มักทำงานที่เรียนที่ฝึกนั้นไม่ได้ดี ต้องฝืนใจทำ บางคนต้องเปลี่ยนอาชีพเพราะไปค้นพบภายหลังว่าตนชอบปลูกผัก ปลูกต้นไม้ ชอบเลี้ยงสัตว์ ชอบอยู่กับธรรมชาติ ไม่ชอบเป็นนายแพทย์ ซึ่งต้องดูแลคนไข้เกือบตลอดวันเป็นต้น
การเลือกงานและการฝึกงานนั้น นอกจากจะต้องรู้มาก เห็นมาก ต้องรู้นิสัยตัวเอง รู้กำลังของตนเองดังกล่าวแล้ว เรายังต้องรู้ระบบการงานนั้นๆ ให้ตลอด เราอาจต้องรู้ระบบการจัดการ การตลาด การลงทุน การทำบัญชีการรวมกลุ่ม การทำงานเป็นกลุ่ม ซึ่งเรื่องเหล่านี้เราฝึกอบรมกันได้ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามแม้เราจะมีฝีมือ และฝึกอบรมแล้ว เวลาทำงานจริงเรายังต้องเลือกอุปกรณ์และหรือพัฒนาอุปกรณ์ที่จะใช้ด้วย เรารู้ว่าประเทศไทยมีที่ดินสำหรับการเกษตรมาก มีโรงงานอุตสาหกรรมน้อย มีคนว่างงานมาก ฉะนั้น หากเราจะเลือกใช้อุปกรณ์ เราอาจพิจารณาเลือกอุปกรณ์ที่ต้องใช้แรงงานคนมากๆ เพื่อเป็นการช่วยเหลือญาติพี่น้องเพื่อนร่วมชาติของเราให้มีงานทำ หากเราใช้เครื่องจักรประเภทที่ใช้แทนแรงงานคนทั้งหมด คนก็จะว่างงานมากซึ่งจะเป็นอันตรายต่อบ้านเมืองของเรา ที่มาhttp://guru.sanook.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น